“ทำไมต้องออนไลน์?” คำถามนี้ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว ทุกองค์กรหวังที่จะเติบโตทางออนไลน์ทั้งเพิ่มรายได้และความได้เปรียบทางด้านธุรกิจ หากเมื่อเราไปดูบทสัมภาษณ์ของวอลมาร์ท (Walmart) ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก ได้เผยตัวเลขที่น่าสนใจอย่างค่าเฉลี่ยของลูกค้าที่จับจ่ายใช้สอยผ่านทางหน้าร้าน ต่อปีอยู่ที่ $1,400 หรือ ราว 46,000 บาท, ผ่านออนไลน์เพียง $200 หรือ ราว 6,500 บาท หากแต่เมื่อดูยอดขายผ่านทาง Multiple Channel กลับสูงถึง $2,500 หรือราว 82,000 บาท
Multiple Channel หรือ Multi-Channel คืออะไร แล้วมีความแตกต่างมากน้อยขนาดไหนกับ Omni -Channel? (Omni-Channel vs Multi-Channel: What is the Difference?)
Multi-Channel และ Omni-Channel มีจุดที่ร่วมกันด้วยการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง ผ่านทางหน้าร้านค้า เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น โซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมไปถึงทางระบบโทรศัพท์ คอลเซ็นเตอร์ หากเพียงแต่จุดที่แตกต่างกันเพียงน้อยนิดแต่สร้างประสิทธิผลได้มากกว่าคือการทำงานร่วมกันของทุกช่องทาง “Integrated all channel to the customer” เมื่อออนไลน์และออฟไลน์รวมเข้าด้วยกันแล้ว เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทำการตลาดทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความประทับใจ สร้างความแตกต่าง สร้างความแปลกใหม่ให้น่าสนใจเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
การผนวกนำเอาโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้ามารวมกันมีหลากหลายเครื่องมือ หลากหลายเทคนิคที่เป็นตัวช่วย ดังนั้นการเชื่อมต่อ ระบบเครือข่ายจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อและถ่ายเทข้อมูลกันได้อย่างมีคุณภาพ มีความเสถียร สามารถใช้งานได้ดีตลอดเวลา เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ากับแบรนด์ของเรา ซึ่งไม่พ้นหน้าที่ของแผนกไอที ที่จะเป็นตัวหลักในการเชื่อมต่อทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน อาทิเช่น
Modernizing WAN with VMware NSX SD-WAN by VeloCloud
เพื่อให้ Omni Channel และ Smart Retail Store เกิดขึ้นได้จริงโปรเอ็น (PROEN) จึงได้รวบรวมเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับ Omni Channel และ Smart Retail Store ประกอบด้วย VMWare NSX, Bosch, Cisco, GRID Signage, Tableau และ NICE process automation solution
โปรเอ็นยินดีให้คำปรึกษาสำหรับผู้สนใจโซลูชั่น Omni Channel และ Smart Retail Store สามารถติดต่อเราได้ที่ E-Mail: sales@proen.co.th Call: 02-690-3888, Website www.proen.co.th