จากการคาดการณ์ของ Gartner ได้กล่าวไว้ว่าทราฟฟิคกว่า 30%-50% จะวิ่งเข้าสู่ Cloud Service และจากการคาดการณ์ของ IDC พบว่ากว่า 80% แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ก็จะถูกติดตั้งไว้บนคลาวด์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นระบบไอทีในปัจจุบันจะต้องมีการออกแบบให้รองรับการใช้งานให้สามารถเชื่อมโยงได้ทั้ง Internal Application และ Cloud Application โดยผู้บริหารด้านไอทีจะต้องรับหน้าที่รับผิดชอบในการออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อระยะไกล (WAN) ในรูปแบบใหม่นี้ให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของ Bandwidth, Redundancy, Security, Performance หรือแม้กระทั่ง Load Sharing ด้วยโครงข่ายหลากหลายชนิด ก็ตาม
อย่างไรก็ตามปัญหาที่พบในภูมิภาค Asia Pacific คือระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตมีการแบ่งแยกเป็น Domestic และ International ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่างกันหลายเท่าตัวเช่นกัน การจำ Internet Broadband จึงเป็นเพียงการเพิ่ม Bandwidth ในด้าน Domestic เท่านั้น โดยอาจจะสรุปปัญหาได้ดังนี้
เป็นงานที่ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้บริหารที่จะมองหาจุดลงตัว และเทคโนโลยีที่จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาดังข้อด้านบนแล้วยังสามารถ “ติดจรวดให้กับ O365/Cloud Service” นั่นคือเทคโนโลยี SD-WAN
SD-WAN EDGE รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อระหว่างกันเองได้อัตโนมัติ ดังหมายเลข 1 โดยไม่จำเป็นต้องมีการทำ Dynamic DNS หรือ Static IP Address หรือแม้แต่ IPSec VPN
หมายเลข 3 เป็นการเลือกให้ None Business Application ออกอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง
หมายเลข 2 คือการติดจรวดให้กับ O365/Cloud Service เทคนิคที่ใช้คือ SD-WAN EDGE จะทำ Multi Tunnels (กรณีที่มีการเชื่อมต่อ Internet 15Mbps 3 เส้น จะทำให้สามารถเชื่อมต่อมายัง Cloud Gateway ได้มากถึง 45Mbps) มายัง Cloud Gateway ที่อยู่ใกล้กับ Cloud Service มากที่สุด ส่งผลให้การใช้งานรวดเร็วขึ้นกว่าการใช้งาน Internet Broadband ทั่วไป
หากคุณสามารถติดจรวดให้กับแอพพลิเคชั่นใดๆก็ได้ คุณจะติดจรวดให้กับ แอพพลิเคชั่นใด?
ส่งความคิดของคุณมาให้เราสิครับ dr.wan@proen.co.th